บทที่ 13
ฉินถานเฟยหน้าเปลี่ยนสี เขาถามอย่างสงสัย "ใต้เท้าเหยียน คำพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร?"
“ท่านโหวไม่รู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าน้อยคงไม่จำเป็นต้องอธิบาย” ใต้เท้าเหยียนพูดอย่างเย็นชา
พูดจบเขาก็เดินไปตรงหน้ามู่จือเหยี่ยนและถามว่า "ในเมื่อเจ้าเป็นคนร้องเรียนคดีนี้ เหตุใดถึงไม่ไปกับข้า"
มู่จือเหยี่ยนพยักหน้าพูดว่า "ตกลง"
ใต้เท้าเหยียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "คำพูดของเจ้าจะกลายเป็นหลักฐานในชั้นศาล ต้องให้การทุกอย่างตามความเป็นความจริงอย่าได้กล่าวคำเท็จหรือใส่ร้ายผู้อื่น เจ้าจะต้องรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง"
“เช่นนั้นใต้เท้าสอบลองปากคำข้าดู จะได้รู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่” มู่จือเหยี่ยนพูดด้วยความนอบน้อม
ใต้เท้าเหยียนชี้ไปที่โจรป่าที่ถูกมัดด้วยเชือกบนพื้น แล้วถามว่า "เขาคือหัวหน้าโจรป่าใช่หรือไม่?"
“ใช่” มู่จือเหยี่ยนพยักหน้า
ใต้เท้าเหยียนสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังเขา "นำตัวไป"
เหล่าทหารพุ่งตัวออกไป ใช้โซ่ตรวนล่ามตัวโจรป่าไว้ แล้วแล้วลากออกไป
ตอนนี้ฉินถานเฟยและหลิวอี๋เหนียงรู้สึกกังวลอย่างมาก หากถูกใต้เท้าเหยียนสอบปากคำ โจรป่าจะต้องรับสารภาพอย่างอย่างแน่นอน!
หลิวอี๋เหนียงจะต้องไม่สามารถปิดบังเรื่องจ้างวานฆ่าคนได้ จวนหนิงหยวนโหวทั้งหมดจะต้องอับอายขายขี้หน้า
นางดึงแขนเสื้อของฉินถานเฟยอย่างร้อนรนใจ อยากให้เขาช่วยหาทางหาให้รั้งตัวโจรป่าไว้
ฉินถานเฟยอยากจะช่วยแต่ใต้เท้าเหยียนพูดจากำกวม เขาจับใจความไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลใดมาขัดขวางใต้เท้าเหยียน
ในที่สุดเขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ "ใต้เท้าเหยียน ท่านไม่สามารถพาคนผู้นี้ไปได้!"
“เพราะเหตุใด?” ใต้เท้าเหยียนมองเขาอย่างสงสัย
ฉินถานเฟยรู้แก่ใจว่าทำผิดแต่ไม่ยอมรับ เขาแก้ตัวน้ำขุ่น "ชายคนนี้เป็นเด็กรับใช้ของจวนโหว เขาลงนามในสัญญาขายไว้ จวนโหวเท่านั้นที่สามารถลงโทษเขาได้ไม่จำเป็นต้องถึงมือของคนจากที่ว่าการ!"
มู่จือเหยี่ยนไม่คาดคิด ชายผู้นี้ช่างโง่เขลาเสียจริง แต่งเรื่องราวนำมาใช้เป็นข้ออ้าง
ใต้เท้าเหยียนสีหน้าเย็นชา ถามย้ำอีกครั้ง "ท่านฉินโหว ท่านมองให้เต็มสองตา คน ๆ นี้เป็นเด็กรับใช้ของจวนโหวใช่หรือไม่? หากคำพูดหลุดจากปาก จะต้องรับผิดชอบ"
ทันใดนั้นท่านผู้เฒ่าโหวฟังแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขากำลังจะอ้าปากเพื่อห้าม แต่หลิวอี๋เหนียงกลับพยักหน้ารับว่า "แน่นอนว่ามันเป็นความจริง คำพูดของท่าวโหวล้วนเป็นข้อเท็จจริง!"
บรรยากาศในห้องโถงหยุดนิ่งทันที
ใต้เท้าเหยียนมีท่าทีดูแปลกไปเล็กน้อย มองฉินถานเฟยที่มีทีท่าหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิด เรื่องของเด็กรับใช้ คนหนึ่ง คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกกระมัง?
แม้หลิวอี๋เหนียงถูกตัดสินว่าเป็นคนว่าจ้างฆ่าคน แต่มู่จื่อเหยี่ยนยังอยู่รอดปลอดภัยมิใช่หรือ?
ดังนั้นจึงเข้าข่ายแค่พยายามฆ่า!
จวนหนิงหยวนโหว จงรักภักดีต่อฝ่าบาทตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แม้ไม่มีผลงานแต่อาศัยการลงแรง อย่างมากที่สุดฝ่าบาทก็แค่ตำหนิเขาคำสองคำ ไม่มีทางจับหลิวอี๋เหนียงเข้าคุกหรอก?
ฉินถานเฟยคิดเช่นนั้น เขามั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองคาดการณ์
ขอแค่เขากล้ากล้าออกมาพูด เรื่องนี้จะจบไปอย่างง่าย
ไม่ว่าใต้เท้าเหยียนจะมีนิสัยเถรตรงอย่างไร เขาก็ไม่สามารถยื่นมือไปสอดเรื่องครอบครัวของผู้อื่นได้?
ฉินถานเฟยกำลังจะเอ่ยปากเพื่อประนีประนอมให้เรื่องนี้จบลงอย่างสันติ อีกนัยก็เพื่อรักษาหน้าของใต้เท้าเหยียนด้วย แค่พริบตาเดียว ใต้เท้าเหยียนก็พูดออกมาว่า "ทหาร!"
"จับกุมหนิงหยวนโหวฉินถานเฟยและอี๋เหนียงหลิวซือ"
ทหารพุ่งไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพียงกัน ตรึงร่างของฉินถานเฟยและหลิวอี๋เหนียงอย่างแน่นหนา ดูแล้วกำลังจะใส่โซ่ตรวน!
แขกเหรื่อทั้งหลายที่อยู่ในห้องโถงต่างตกตะลึง
ท่านผู้เฒ่าโหวไม่สามารถนั่งไม่ติดอีกต่อไป เขาตะโกนสุดเสียง "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
ใต้เท้าเหยียนล้วงป้ายคำสั่งออกมาจากอก "ถ่ายทอดคำสั่งของข้าลงไป สั่งปิดจวนหนิงหยวนโหวทันที ตราบอนุญาตให้เข้าไปแต่ออกไม่ได้ คนในทั้งหมดตระกูลฉิน จับตาดูให้ดี ใครก็ออกไปไม่ได้!"
แขกที่มาร่วมงานมองแวบเดียวก็รู้ว่านี่คือป้ายคำสั่ง "นั่นคือป้ายคำสั่งของฝ่าบาท
แค่ได้เห็นป้ายคำสั่งนี้เทียบเท่ากับการได้พบพระพักตร์ของฝ่าบาท!
ใต้เท้าเหยียนวันนี้คิดจะจับคนทั้งหมดในจวนหนิงหยวนโหวเข้าคุก ก็ไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้
สีหน้าของท่านผู้เฒ่าโหวเแปรเปลี่ยนอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า "ใต้เท้าเหยียน เจ้าช่วยอธิบายได้ไหมว่าเหตุใดจึงต้องจับกุมคนในจวนด้วย?"
แค่ฉินอวี้เหยาคนเดีว จะทรงทำให้พระองค์สั่นคลอนได้อย่างไร?
ต้องมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่เป็นแน่!
ใต้เท้าเหยียนปฏิเสธด้วยใบหน้าจริงจัง "ไม่ได้"
เมื่อหลิวอี๋เหนียงตอนที่ถูกทหารตรึงร่างไว้นั้นนางตื่นตระหนกอย่างมาก ร่ำไห้ขอความเมตตา "ท่านโหว รีบช่วยข้าด้วย!"
สีหน้าของฉินเฟยเยว่ซีดขาวด้วยความตกใจ นางไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงถึงเพียงนี้!
สองแม่ลูกส่งสายตาไปยังหนิงหยวนโหวเพื่อขอความช่วยเหลือ
หนิงหยวนโหวไม่มีเวลาสนใจผู้อื่น เขาถูกทหารหลายนายจับตรึงร่างไว้ ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ "ข้าไว้หน้าเจ้า จึงเรียกเจ้าความนับถือว่าใต้เท้าเหยียน แต่เจ้ากล้าล่วงเกินจวนโหวขั้นหนึ่ง นี่เรียกว่าคนชั้นผู้น้อยล่วงเกินคนชั้นสูง!"
ใต้เท้าเหยียนที่สีหน้าเหยียบเย็น ปล่อยให้เขาด่าทอตามอำเภอใจ ท่าทางไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
ไม่ใช่แค่สองคนนี้เท่านั้น แม้แต่ฉินเฟยเยว่และคุณหนูห้า คุณหนูหกของของจวนโหวก็ถูกล่ามโซ่ตรวนไว้เหมือนกัน
คนในจวนทั้งหมด มีเพียงท่านผู้เฒ่าโหวที่มีฐานะสูงศักดิ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้ยิ่งใหญ่ที่เก่งกาจด้านการรบทัพจับศึก ใต้เท้าเหยียนให้ความยำเกรงเขามไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่สั่งคนคล้องโซ่ตรวนแก่เขา
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่มงคล กลับกลายเป็นฉากเหตุการณ์ที่คนจากทางการจับกุมตัวผู้กระทำผิด แขกเหรื่อที่มาร่วมงานฉลองต่างตกตะลึง
มีป้ายคำสั่งของฝ่าบาท เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าเหยียนไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเขา
ครั้งนี้จวนหนิงหยวนโหวประสบเรื่องราวครั้งใหญ่แล้ว!
คนที่ทำให้จวนหนิงหยวนโหวตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ เป็นคุณหนูสามที่เพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านชนบท ฉินอวี้เหยานั้นเอง!
มู่จื่อเหยี่ยนมองดูผู้คนที่ตื่นตระหนกในห้องอย่าง สีหน้าเรียบเฉยตื่น ไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ มีทหารสองนายยืนอยู่ข้างด้านข้าง ดูคล้ายกำลังจะปกป้องนาง!
แขกเหรื่อพากันถอนหายใจเงียบ ๆ ในใจ คุณหนูสามคนนี้ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่าย!
แต่นางไปทำอะไรมา ถึงให้ใต้เท้าเหยียนออกหน้าช่วยเช่นนี้?
ใบหน้าของฉินถานเฟยเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตะคอก "ฉินอวี้เหยา จะดีจะร้ายเจ้าก็เป็นคนจวนหนิงหยวนโหว เจ้าสามารถทนมองดูจวนโหวถูกทำลายได้หรือ?"
หลิวอี๋เหนียงวขอร้องอย่างไม่เต็มใจ "ความโกรธที่อยู่ในใจ เจ้ามาระบายที่ข้า ปล่อยท่านพ่อและคนอื่น ๆ ไปซะ พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์ "
ขณะที่ฉินเฟยเยว่ยังคงรักษาภาพพจน์ของผู้บริสุทธิ์เปี่ยมด้วยมีเมตตา
“น้องสี่หากเจ้าโกรธจนทนไม่ไหวจริง ๆ เจ้าสามารถทุบตีและดุด่าข้าได้ แต่เจ้าจะแก้แค้นคนในจวนโหวทั้งหมดได้อย่างไร นี่มันร้ายแรงเกินไป!”
เพราะจำนวนทหารที่มากมาก คุณหนูห้าและคุณหนูหกตกใจกลัวจนร้องไห้
“พวกข้าไม่รู้อะไรเลย และไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย ได้โปรดปล่อยพวกเราไป!”
ภายใต้คำขอร้องของคนทั้งจวน ยิ่งขับเน้นให้มู่จือเหยี่ยนเป็นคนร้ายที่ชั่วช้า
มู่จือเหยี่ยนถามกลับ "พวกเจ้าขอร้องข้าทำไมกัน? ข้าไม่มีความสามารถพอที่จะให้ใต้เท้าเหยียนมาจับกุมพวกเจ้าด้วยตนเอง"
หลิวอี๋เหนียงยิ้มเย้ยหยัน โต้กลับ "ถ้าไม่ใช่รัชทายาท จะเป็นผู้ใดได้อีก?"
มู่จือเหยี่ยนยังคงยืนกรานปฏิเสธ "เจ้าเดาผิด ครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของข้า!"
คนที่น่าโดนตำหนิที่สุดควรเป็นหนิงหยวนโหว
เขาไม่เข้าใจเรื่องราวด้วยซ้ำ ยังแบกเอารับผิดชอบมาไว้กับตัวอีก ทำให้ทั้งครอบครัวตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่มีผุ้ใดสามารถยื่นมือช่วยได้!
ทันใดนั้น หน้าประตูมีเสียงตะโกนดังขึ้น
“องค์รัชทายาทเสด็จ”
“เหยี่ยนอ๋องเสด็จ”
“ฉี๋อ๋องซู่อ๋องเสด็จ!”
หนังตาข้างขวาของมู่จือเหยี่ยนกระตุกอย่างแรง นางไม่คาดคิดว่า หนานกงรุ่ยหยวนจะปรากฏตัวด้วย!
แม้ว่าก่อนมาเมืองหลวง นางได้เตรียมใจที่จะพบเขาแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้...
